วิธีคำนวณต้นทุนและค่าแรงสร้างบ้าน
การคำนวณต้นทุนและค่าแรงสร้างบ้าน: ประเมินราคายังไงไม่ให้งบบานปลาย?
การคำนวณต้นทุนและค่าแรงสร้างบ้าน: ประเมินราคายังไงไม่ให้งบบานปลาย?
กำลังจะสร้างบ้านใช่ไหม? สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือการคำนวณงบประมาณให้เป๊ะๆ เพราะถ้ากะไม่ดี งบบานปลายแน่นอน เรามีเทคนิคการประเมินต้นทุนและค่าแรงแบบละเอียดมาฝาก รับรองว่าดูจบแล้วจะวางแผนการเงินได้แบบมืออาชีพ
1. อย่าลืมต้นทุน “แฝง” ที่หลายคนมองข้าม
เวลาพูดถึงต้นทุนสร้างบ้าน เรามักจะนึกถึงแค่ค่าแรงช่างกับค่าวัสดุ แต่จริงๆ แล้วมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซ่อนอยู่เพียบ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง:
- ต้นทุนหลัก: มีทั้ง ค่าแรงช่าง และ ค่าวัสดุก่อสร้าง (ปูน เหล็ก กระเบื้อง สายไฟ ฯลฯ) ที่ต้องประเมินอย่างละเอียด
- ต้นทุนแฝง/เสริม: ได้แก่ ค่าออกแบบ (สถาปนิก/วิศวกร), ค่าขออนุญาต, ค่าขนส่งวัสดุ, ค่าเช่าเครื่องจักร, ค่าตกแต่งภายใน และที่สำคัญ เงินสำรอง ควรกันไว้ 10–15% ของงบทั้งหมดเพื่อรับมือเหตุฉุกเฉิน
2. ค่าแรงช่าง: จ่ายแบบไหนคุ้มสุด?
การคิดค่าแรงมีหลายรูปแบบ เหมาะกับงานต่างกัน:
- เหมารวม (Lump Sum): เหมาะกับสร้างทั้งหลัง/ต่อเติมใหญ่ ตกลงราคาตั้งแต่แรก คุมงบง่าย
- รายวัน (Daily Wage): เหมาะกับงานเล็กหรือจ้างรายคน คุมคุณภาพใกล้ชิด แต่ต้องระวังงบบานเพราะไม่รู้เสร็จเมื่อไร
- ต่อตารางเมตร (Per Sq.m.): นิยมในงานโครงสร้าง/ปูกระเบื้อง คิดตามพื้นที่จริง ประเมินงบง่ายและแฟร์
3. ค่าวัสดุก่อสร้าง: เช็กลิสต์ยังไงไม่ให้พลาด?
วัสดุต้องละเอียดสุดๆ เพราะมีให้เลือกเยอะ:
- ทำรายการวัสดุ (BOQ): ให้สถาปนิก/วิศวกรจัดทำรายการทั้งหมดเพื่อใช้ควบคุมงบและตรวจรับงาน
- เช็กราคาและเปรียบเทียบ: ขอใบเสนอราคาหลายเจ้า เปรียบเทียบทั้งราคา เงื่อนไขส่งของ และการรับประกัน
- วางแผนการซื้อ: บางรายการราคาผันผวนตามฤดูกาล/ตลาด วางแผนล่วงหน้าช่วยประหยัดได้มาก
การคำนวณงบประมาณตั้งแต่ต้นจะทำให้เห็นภาพรวมค่าใช้จ่ายชัดเจน คุมความเสี่ยงบานปลาย และอย่าลืมทำสัญญาจ้างงานให้รัดกุมเพื่อป้องกันข้อพิพาทเรื่องราคาในภายหลัง